แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพิ่มเติม
********************
1. ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. คณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย ง. ก.ตร.
ตอบข้อ ก. นายกรัฐมนตรี
2. ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ของ สตช.
ก. ถปภ. องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ฯ
ข. ดูแลควบคุมและกำกับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจซึ่งปฏิบัติตาม ป. วิอาญา
ค. ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบข้อ ง. ถูกทุกข้อ
3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบ่งส่วนราชการออกเป็นกี่ส่วน
ก. 2 ส่วน
ข. 3 ส่วน
ค. 4 ส่วน
ง. กี่ส่วนก็ได้แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตอบข้อ ก. 2 ส่วน ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 10 บัญญัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแบ่งส่วนราชการออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2. กองบัญชาการ
4. ใครเป็นอธิบดีกรมตำรวจคนแรกและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนแรก
ก. พล. ท. พระวรางศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ , พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก
ข. พล. ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ , พล.ต.อ. พรศักดิ์ ดุรรงค์วิบูลย์
ค. พล.ต.อ. ไสว ไสวแสนยากร , พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก
ง. พล.ต.ท. พระยาอธิปกรณ์ประกาศ , พล.ต.อ. พจน์ บุณยะจินดา
ตอบข้อ ก. พล. ท. พระวรางศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ , พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก
5. “ ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยจะทำไม่ได้ ในทางที่ไม่ขัดต่อ ศีลธรรม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี อันดีงามและกฎหมายบ้านเมือง ” เป็นคำกล่าวของใคร
ก. พล. ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ข. จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ค. พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ง. พล.ต.อ. หลวงชาติตระการโกศล
ตอบข้อ ก. พล. ต.อ. เผ่า ศรียานนท์
6. “ ก.ต.ช. ” ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ย่อมาจากอะไร
ก. คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ข. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ค. คณะกรรมการาชการตำรวจ ง. คณะกรรมการกรมตำรวจแห่งชาติ
ตอบข้อ ข. ตามพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 16 บัญญัติ “ ให้มีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ คณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า ก.ด.ช .”
7. บุคคลใดเป็นผู้บังคับข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข. นายกรัฐมนตรี
ค. จเรตำรวจแห่งชาติ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบข้อ ข. ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 11 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าส่วนราชการ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ (2) เป็นผู้บังคับบัญชา ข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองจากนายกรัฐมนตรี นั่นก็หมายความว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ มีบุคคลใดดำรงตำแหน่งเป็น ประฐานกรรมการ
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ง. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ตอบข้อ ก. ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 17 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
9. บุคคลตามข้อใดเป็นกรรมการโดยที่ตำแหน่งของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ค. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบข้อ ง. ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 17 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ปลัดกระทรวงยุติธรรมเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติและผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการโยตำแหน่ง
10. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ มีทั้งหมดกี่คน
ก. 3 คน ข. 4 คน
ค. 7 คน ง. 10 คน
ตอบข้อ ข. ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 17 กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติมีทั้งหมด 4 คน
แนวข้อสอบกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
1. ชาวบ้านนำเงินไปร่วมกันทอดผ้าป่าให้สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งเป็นจำนวน 150,000 บาท ต่อมาเงินจำนวนดังกล่าวสูญหายไป ผู้ใดต่อไปนี้เป็นผู้เสียหาย
ถ้า ก เป็นเจ้าคณะสงฆ์ ส่วน ดำ เขียว แดง เหลือง ขาว เป็นผู้ที่ ก เลือกให้เป็นกรรมการดูแลรับผิดชอบเงินดังกล่าว
ก. เจ้าคณะสงฆ์
ข. ชาวบ้านที่ร่วมทำบุญ
ค. ผู้ที่ถูกรับเลือกให้เป็นกรรมการ
ง. ข้อ ก และ ค
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะสำนักสงฆ์มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายอื่น จึงไม่มีบุคคลใดเป็นผู้จัดการแทนหรือผู้แทนอื่นๆ ที่จะมีอำนาจจัดการแทนสำนักสงฆ์ได้ แต่เจ้าคณะสงฆ์ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเงินผ้าป่าที่ชาวบ้านนำไปทอดให้สำนักสงฆ์รวมทั้งผู้ที่เจ้าคณะสงฆ์เลือกให้เป็นกรรมการดูแลรับผิดชอบเงิน ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสำนักสงฆ์หากเงินดังกล่าวสูญหายไป เจ้าคณะสงฆ์และกรรมการดูแลเงินดังกล่าวจึงเป็นผู้เสียหาย
2. นายเสือและนายสิงห์เป็นบุตรนอกกฎหมายของนายนก นายเสืออายุ 18 ปี ส่วนนาย
ก. นายนก
ข. นายเสือ
ค. ถูกทุกข้อ
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ข้อ ข. เพราะพี่ชายของผู้ตายมิใช่บุคคลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5(2.) ส่วนบิดานั้นแม้จะเป็นบิดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายก็มีอำนาจจัดการแทนบุตรได้ เพราะกำหมายถือตามความเป็นจริงโดยสายโลหิต
3. ข้อใดเป็นหลักเกณฑ์การขอออกหมายขังผู้ต้องหา
ก. ผู้ต้องหานั้นไม่ใช่ผู้ถูกจับและมิได้มีการออกหมายจับ
ข. ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว
ค. ผู้ต้องหาถูกเรียกหรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง
ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะหลักเกณฑ์การขอออกหมายขังผู้ต้องหา มีดังนี้
1. ผู้ต้องหาถูกเรียกหรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง
2. ผู้ต้องหานั้นไม่ใช่ผู้ถูกจับและมิได้มีการออกหมายจับ
3. ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว
4. ต้องมีเหตุที่จะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ ตาม ป.วิ. อ. มาตรา 71
4. ความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจ ผู้ใดเป็นผู้เสียหาย
ก. ผู้เยาว์
ข. บิดา
ค. มารดา
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยนั้น มีองคืประกอบความผิดร่วมกันระหว่างการหนึ่งว่า “ ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ... ” ซึ่งเห็นได้ว่าวัตถุแห่งการกระทำความผิดกฎหมายมาตรานี้ที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง คือ อำนาจปกครองของบิดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้เยาว์นั่นเอง
5. ข้อใด ไม่ใช่ หลักเกณฑ์ในเรื่องผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
ก. พนักงานอัยการยื่นฟ้องแล้ว ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
ข. ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ทั้งคดีความผิดส่วนตัวและคดีที่มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว
ค. ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำ พิพากษา
ง. ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนคดีเสร็จเด็ดขาด
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะหลักเกณฑ์ในเรื่องผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ประการหนึ่ง คือ ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ซึ่งต่างกับการที่พนักงานอัยการร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายที่จะยื่นระยะใดก็ได้ก่อนคดีเสร็จเด็ดขาดคดีเสร็จเด็ดขาด
6. ข้อใด ไม่ใช่ หลักเกณฑ์ในเรื่องการรวมพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวกัน
ก. ต้องเป็นคดีอาญาเรื่องเดียวกัน
ข. คดีอาญาเรื่องเดียวกันนั้น ทั้งพนักงานอัยการและผู้เสียหายต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นเดียวกัน หรือต่างศาลกัน
ค. ต้องสั่งรวมพิจารณาในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
ง. กรณีที่ยื่นฟ้องจำเลยต่างศาลกันศาลจะสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมของศาลอื่นนั้นก่อน
คำตอบ : ข้อ ค. เพราะ หลักเกณฑ์ในเรื่องการรวมพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวกัน มีดังนี้
1. ต้องเป็นคดีอาญาเรื่องเดียวกัน
2. คดีอาญาเรื่องเดียวกันนั้น ทั้งพนักงานอัยการและผู้เสียหายต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นเดียวกัน หรือต่างศาลกัน
3. กรณีที่ยื่นฟ้องจำเลยต่างศาลกันศาลจะสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมของศาลอื่นนั้นก่อน
4. ศาลนั้นๆ มีอำนาจสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน เมื่อศาลเห็นชอบโดยพลการ หรือโดยโจทก์ ยื่นคำร้องขอ
5. ต้องสั่งรวมพิจารณาในระยะใด ระหว่างพิจารณาก่อนมีคำพิพากษา
7. ในการงดการสอบสวนคดีอาญา มีเหตุกี่กรณี
ก. 2 กรณี
ข. 5 กรณี
ค. 3 กรณี
ง. 7 กรณี
คำตอบ : ข้อ ก. เพราะมีเหตุ 2 กรณี คือ
1. กรณีที่ผู้ต้องหาวิกลจริตให้งดการสอบสวนไว้ก่อนจนกว่าจะหาย
เมื่อสอบสวนแล้วไม่ปรากฏว่าใครเป็นคนร้าย ไม่รู้ตัวผู้ร้ายให้ปฏิบัติ ดังนี้
คดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ให้พนักงานสอบสวนงดการสอบสวน
คดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี ให้พนักงานสอบสวนทำความเห็นว่าควรงดการสอบสวนแล้วส่ง พนักงานอัยการ
8. ข้อใดต่อไปนี้พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำการสอบสวนได้
ก. ท้องที่เกิดเหตุ
ข. ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
ค. ท้องที่ที่ผู้ต้องหาถูกจับ
ง. ท้องที่ที่ผู้เสียหายมีที่อยู่
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะพนักงานสอบสวนสามารถทำการสอบสวนได้ 3 ท้องที่เท่านั้น คือ
1. ท้องที่เกิดเหตุ
2. ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
3. ท้องที่ที่ผู้ต้องหาถูกจับ
9. บุคคลใดมีอำนาจสั่งโอนในเรื่องการโอนคดีในกรณีไม่ปกติ
ก. ประธานศาลชั้นต้น
ข. ประธานศาลฎีกา
ค. ประธารศาลอุทธรณ์
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
คำตอบ : ข้อ ข. เพราะการโอนคดีในกรณีที่ไม่ปกตอตาม ป.วิ.อ. มาตรา 26 คือ ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเหนือคดีนั้นก็เพื่อให้เรียบร้อยแต่เกิดเหตุพิเศษ เช่น จำนวนจำเลย ฐานะจำเลย ฝ่ายผู้เสียหายจึงดำเนินการขอโอนคดี ซึ่งในการโอนคดีในลักษณะนี้สามารถโอนไปที่ไหนก็ได้แต่ผู้มีอำนาจสั่งคือ ประมุขของตุลาการคือประธานศาลฎีกาเท่านั้น
10. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป
ก. ความตายของผู้กระทำผิด
ข. ความผิดต่อส่วนตัวเมื่อถอนคำร้องทุกข์แล้ว ยอมความแล้ว
ค. เมื่อผู้ต้องหายอมชำระค่าปรับอัตราสูง สำหรับคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป มีได้ดังต่อไปนี้
1.ความตายของผู้กระทำผิด
2. ความผิดต่อส่วนตัวเมื่อถอนคำร้องทุกข์แล้ว ยอมความแล้ว
3. คดีอาญาเลิกกัน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 37
4. เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง
แนวข้อสอบสายปราบปราม ที่ออกบ่อยๆ
1. ใส่แหวนพลอยหัวทับทิมขนาดใหญ่ เพื่ออวดสาว มาพบคู่อริ จึงเข้าชก ศาลริบแหวน และหัวแหวน นั้นได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ริบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด
2. กระทำผิดนอกราชอาณาจักรในลักษณะใดที่ไม่สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้
ตอบ ข่มขืน กระทำชำเรา ตาม ม.276
3. นักเรียนอาชีวะขึ้นไปบนรถโดยสารชักปืนยิงคู่อริเพื่อให้ตาย กระสุนถูกเด็กชายสมบัติตาย เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด เพราะเหตุใด
ตอบ ผิดฆ่าเด็กชายสมบัติตายโดยเจตนา
4. ขว้างปารถยนต์ให้พลิกคว่ำเพื่อเอาทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อยู่ในรถยนต์ถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด เพราะเหตุใด
ตอบ ผิดฆ่าคนตายโดยเจตนา ย่อมเล็งเห็นผล
5. นายแดง นางดำ นาย
ตอบ นายแดงผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน นางดำไม่ผิด
6. นายแดง นายดำ นายขาว จะไปเอาทรัพย์ในร้านของชำ นายแดงใช้ปืนจี้เจ้าทรัพย์ นายดำเก็บทรัพย์สิน แล้วหลบหนีมาขึ้นรถที่นายขาวจอดรออยู่หน้าร้าน เป็นการกระทำความผิดในข้อหาใด
ตอบ ผิดฐานปล้นทรัพย์
7. ส.ต.อ.แดง เบิกปืนเพื่อไปใช้ในราชการ ขาดเงินจึงนำไปขาย ส.ต.อ.
ตอบ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 147
8. ฐานซ่องโจรข้อใดไม่ได้บัญญัติในความผิดฐานดังกล่าว
ตอบ เปิดเผยความลับ
9. ข้อใดไม่เป็นความผิดฐานแต่งกายใช้เครื่องหมายในศาสนาตาม 208
ตอบ แม่ชี
10. นางแดง และนายดำ หุ้นกันซื้อบ้านหลังหนึ่งอยู่กลางทุ่ง นายดำโกรธนางแดง จึงจุดไฟเผาบ้านนั้น นายดำผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ผิดทำให้เสียทรัพย์ 358
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )